ของหวานใส่กะทิ ขนมไทยก็ต้องคู่กับกะทิสิคะ!!

ของหวานใส่กะทิ 2 อย่างนี้จะไม่คู่กันได้ยังไง หอมหวานชื่นใจ (สูตรขนมไทย)

ของหวานใส่กะทิ ใครจะไม่ชอบบ้าง ถามจริง?! เอ๊ะ.. แต่ก็คงต้องมีอยู่แล้ว แต่สำหรับคอนเทนต์นี้ เราเขียนขึ้น สำหรับคนที่ชอบขนมหวาน ที่ใส่กะทิ! ใครอยากรู้ว่า จะมีเมนูอะไรบ้าง ที่เราจะมาสอนทำกัน หรือบ้านใครที่ กะทิเหลือ ทําอะไรดี ? ตามมาเลยค่ะ

สาคูแตงโมนมสด สดชื่น หอม อร่อย เมนูของหวานไทยง่ายๆ

เมนูสาคูแตงโม ใส่นมสด เมนูของหวานง่ายๆ ทําเอง แค่ชื่อก็สดชื่นแล้ว เพราะมีส่วนผสม ของผลไม้เย็น ๆ อย่างแตงโมด้วย

ส่วนประกอบ เราจะแบ่งเป็น 2 ส่วนนะคะ

ส่วนของนมสด

• 1.นมสดรสจืด ยี่ห้อที่ชอบได้เลย
• 2.กะทิกล่อง
• 3.น้ำตาลทรายขาว
• 4.เกลือ

ส่วนของสาคู

• 1.สาคูเม็ดเล็ก 150 กรัม
• 2.น้ำสะอาด (ต้มสาคู)
• 3.แตงโม

วิธีทำ

• เริ่มจากทำส่วนของ นมสดกันก่อนเลย ใช้ไฟอ่อนนะคะ เทน้ำตาล ลงหม้อที่เตรียมไว้ จากนั้นใส่นมสด และกะทิ
• ค่อย ๆ คนใส่ส่วนผสมต่าง ๆ ละลายจนเข้ากัน (อย่าให้เดือดเกินไป อาจจะไหม้ได้)
• เมื่อได้ที่แล้ว ก็ปิดแก๊ส นำไปตั้งไว้ รอให้เย็น
• ถึงตาของไฮไลท์ ในขนมนี้แล้ว นั่นก็คือแตงโมนั่นเอง ใครที่มีที่ตักไอติม ตักให้แตงโม เป็นลูกกลม ๆ ได้เลย หรือใครที่ไม่มี จะหั่นทรงที่ชอบ สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ได้หมดเลยค่ะ เอาแบบที่เราชอบ และแช่เย็นไว้ก่อนนะ
• ถึงตาของสาคูบ้าง ให้นำสาคูลงไปต้ม ในหม้อน้ำที่เดือด ใช้ไฟค่อนข้างแรงได้เลยค่ะ ต้มประมาณ 5 นาที หรือจนกว่าสาคูจะเริ่มใส หลังจากนั้น เทสาคูใส่ตะแกรงผ่านน้ำ และแช่ในน้ำเย็น เพื่อลดอุณหภูมิ ไม่ให้สาคูสุกไปกว่านี้
• ประกอบร่างกันเลย ตักสาคูใส่ภาชนะ ที่ใช้กิน ตามด้วยน้ำแข็ง นมสด และแตงโม เป็นอันเรียบร้อย!

ซาหริ่มน้ำกะทิ เมนูคุ้นเคย

เมนูของหวานไทยโบราณ ที่เป็นที่รู้จักกันดี ซาหริ่มอร่อย ๆ บวกกับกะทิหอม ใส่น้ำแข็งหน่อย เย็นชื่นใจ~

ส่วนประกอบ เราจะแบ่งเป็น 2 ส่วนค่ะ

ส่วนผสมของซาหริ่ม

• 1.เส้นซาหริ่ม
• 2.แป้งถั่วเขียว
• 3.กลิ่นมะลิ เพิ่มความหอม! www.makemoneyadultcontent.com
• 4.สีผสมอาหาร ตามชอบเลย

น้ำกะทิ

• 1.ใช้หัวกะทิ
• 2.น้ำตาลทราย
• 3.น้ำเปล่าสะอาด
• 4.เทียนอบ
• และเนื้อมะพร้าวอ่อน ไว้ใส่ด้านบน

วิธีทำ

• นำซาหริ่ม ไปต้มในน้ำเดือด และแช่ในน้ำเย็นต่อ ประมาณ 5 นาที
• ถึงตาน้ำกะทิ พระเอกของเราแล้ว ใส่น้ำตาล หัวกะทิ และน้ำเปล่าลงในหม้อ คนให้เข้ากัน ก่อนจะนำไปตั้งไฟ คนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเดือด
• ขนมไทยจะขาด ความหอมไปไม่ได้เลย นำเทียนอบมาจุด และใส่ลงไปในหม้อ หลังจากนั้นก็ปิดฝาทิ้งไว้
• หลังจากนั้น ใส่ภาชนะเตรียมกินกันเถอะ! ใส่ซาหริ่มลงไปในถ้วย ตามด้วยน้ำกะทิ และมะพร้าวอ่อน ใส่น้ำแข็งแบบที่ชอบเล็กน้อย เพื่อความเย็นชื่นใจ เป็นอันเรียบร้อย

รวมมิตรน้ำกะทิ ของหวานใส่กะทิ เจอได้ทุกที่

ใครไม่รู้จักก็แปลกแล้ว เพราะรวมมิตรนี่ถือว่า เป็นเมนูoriginal ของขนมไทยใส่กะทิ ก็ว่าได้นะคะ ไปที่ไหนก็มักจะเจอ ไปดูวิธีทำ กันเลยดีกว่า

ส่วนผสมทั้งหมด ตามนี้เลย

• ทับทิมกรอบ
• ลอดช่องสิงคโปร์
  ครองแครงแก้ว
  ลูกชิด
  ข้าวโพด
• ขนุนสุกแล้ว
  กะทิอบควันเทียน ยี่ห้อที่ชอบ
• น้ำแข็งตามชอบ

ส่วนผสมน้ำเชื่อม

• น้ำตาลทรายขาว
  น้ำลอยดอกมะลิ
  ใบเตยหอมมัดรวม 7 ใบ

วิธีทำ

• ทำน้ำเชื่อมกันก่อนเลยค่ะ เทน้ำตาลทราย และน้ำดอกมะลิ (ใช้แต่น้ำ) ลงในหม้อ คนให้เข้ากัน ใส่ใบเตยตามลงไปเลย
• ตั้งหม้อได้เลย ใช้ไฟกลาง รอจนกว่าน้ำจะเดือด จึงปรับเป็นไฟอ่อน ๆ และเคี่ยวต่อ จนกว่าน้ำเชื่อมจะหนืดขึ้น และระเหยจนเหลือ 2 ใน 3 จากเดิม จึงปิดเตา รอให้น้ำเชื่อมเย็นลง
• ต่อไปง่ายเลย ใส่ขนมทุกประเภท ที่เราต้องการลงไปในหม้อ หรือถ้วย ก่อนเทกะทิกล่องลงไป พอจะกินก็เพียง ตักใส่ถ้วย ราดน้ำเชื่อม และใส่น้ำแข็ง เพื่อความเย็นสดชื่น จะได้ความอร่อยหลายแบบเลย ทั้งกรอบ นิ่ม หวานเย็น

เกร็ดความรู้ ทำไมกะทิ ถึงสำคัญกับขนมไทยนัก ?

พูดถึงขนมไทย เราจะนึกถึง ความหวาน อร่อย หอม และเอกลักษณ์ การประณีตในการทำ ใช่ไหมล่ะคะ ? บ่งบอกได้ถึงว่า คนไทยในสมัยก่อน มีความใจเย็น และตั้งใจอย่างมาก

นอกจากนี้ ขนมไทยมักถูกนำไปใช้ ในงานมงคลต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ งานทำบุญเลี้ยงพระ ให้เกิดความมี สิริมงคล จึงสอดคล้องว่า ทำไมหน้าตาถึงสวย และมีความพิถีพิถันนั่นเอง ส่วนมากที่เราจะเห็น ก็มักจะเป็น ทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน ฝอยทอง ทองเอก เป็นต้น

และเนื่องจาก ‘กะทิ’ เป็นสิ่งที่ทำได้ ทั้งของคาวและหวาน มีรสชาติเข้มข้น หวานมัน ช่วยให้รสอาหารดีขึ้น ได้เป็นอย่างดี จึงได้มาเป็นส่วนหนึ่ง ของขนมไทยนั่นเองค่ะ

เป็นยังไงบ้างคะ กับเมนู ของหวานไทยๆ ที่มาแนะนำกัน กินคลายร้อนก็ดี คลายเครียดก็ได้ รู้ไหมว่า ของหวานไม่ใส่กะทิ ก็เหมือนมีคนรัก แต่ไม่ใส่ใจ อ่ะไม่เกี่ยว 555 แต่ต้องยอมรับว่า กะทินั้นเป็นตัวชู ให้ขนมไทยเหล่านี้เป็น ของหวาน ที่ขายดี และนิยมในไทยสุด ๆ จนดังไปถึงต่างประเทศ ในปัจจุบันนี้ ก็ยังนิยมอยู่มาก ๆ กินอร่อยแล้ว ยังไงก็อย่าลืม ออกกำลังกายกันบ้างนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวโรค ถามหาแย่เลย

เรียบเรียงโดย M.Varin